30 มิถุนายน 2558

เดินเก๋ๆที่ Broadway Market...

เราเป็นคนนึงที่เวลาไปเที่ยวที่ไหน 
ถ้าไม่ลำบากนักก็มักจะขอเดินตลาดของแต่ละที่นั้นๆ 
ส่วนตัวคิดว่าตลาดสามารถบ่งบอกวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนที่นั่น 
ไม่ว่าจะเป็นเมืองใหญ่หรือเมืองเล็กๆตลาดก็เป็นแหล่งดึงดูดผู้คน ให้มาเยี่ยมชมเป็นสถานที่อันดับต้นๆ 
อย่างในอังกฤษก็มีตลาดมากมายอย่างเช่น Portobello Market , 
Borough Marketให้เราท่านได้เพลิดเพลินกับการเดินชมสินค้า 
บรรยากาศพ่อค้าแม่ค้าและผู้คนที่มาจับจ่ายซื้อของกัน ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่ก็จะเป็นบรรดานักท่องเที่ยว 
 นอกจากตลาดที่เอ่ยมาข้างต้น อังกฤษก็ยังมีตลาดอีกแห่งที่น่าสนใจ ทั้งยังมีความเป็นอังกฤษที่สุด 
คือ ตลาด Broadway Market 
ตั้งอยู่แถว East London ซึ่งเป็นย่านคนกิ๊บเก๋ของลอนดอน 
ตลาดจะอยู่ใกล้กับสวนสาธารณะ จึงเหมาะมากสำหรับการมาเดินเล่น 
แวะซื้ออาหารมานั่งกิน จะมาปิกนิคกับครอบครัวและก๊วนเพื่อนหรือจัดปาร์ตี้บาบีคิวเล็กๆก็ได้ 
ตัวตลาดมีทั้งอาหารสด ผัก ผลไม้ และอาหารที่ปรุงสุกใหม่ทั้งคาวหวานให้ลิ้มลอง
 
http://www.on-in-london.co.uk/markets/broadway-market/
http://www.london-chick.com/best-food-markets-in-london/
http://cafenaivete.blogspot.de/2012/10/lovely-summertime-in-london-fields.html
อิ่มท้องดีแล้ว หากจะเดินย่อยอาหารก็สามารถเดินเล่นต่อไปเรื่อยๆ 
แวะชมวิวแถว Regent's Canal ได้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลนัก 
 
Regent's Canal

 

 หากใครมาลอนดอน แล้วอยากสัมผัสบรรยากาศตลาดของลอนดอนเนอร์จริงๆ
ก็ลองแวะไปที่ Broadway market กันได้จ้า  อ่ะลืมไปจะเปิดทุกวันเสาร์นะ
 

24 มิถุนายน 2558

เนื้อแกะย่างกระเทียม ( Grilled Lamb with garlic )

เนื้อแกะย่างกระเทียม ( Grilled Lamb with garlic )
 
เครื่องปรุง
  • เนื้อแกะ
  • กระเทียมสับ
  • หอมแดงสับ
  • พริกไทย
  • เกลือ
  • น้ำมันมะกอก
  • โรสแมรี่
วิธีทำ
1.นำเนื้อแกะ โรยด้วยเกลือ พริกไทย น้ำมันมะกอก กระเทียมสับ หอมแดงสับ โรสแมรี่ นวดให้เข้ากัน 
หมักทิ้งไว้อย่างน้อย ครึ่งชม.
2.ตั้งกะทะให้ร้อนจัด นำเนื้อแกะลงจี่ให้สีสวยทั้งสองด้าน จากนั้นนำเข้าเตาอบไฟประมาณ180องศา อบต่อประมาณ 5-7นาที (ระดับความสุกของเนื้อแล้วแต่ความชอบ) พอสุกดี กินคู่กับมันอบอร่อยเข้ากัน
 

22 มิถุนายน 2558

Japanese Udon ( ย่าน Soho ลอนดอน )

วันนี้ไม่ขอลงเมนูอาหารฝีมือตัวเอง 
แต่อยากจะรีวิวร้านอาหารที่ได้ไปลิ้มลองมา 
โพสนี้ขอเสนอร้านที่เพิ่งได้ไปลองมาหยกๆเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
โดยส่วนตัวเราเป็นคนที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นมาก ติดระดับว่า crazy เลยก็ได้ 
เพราะเวลาจะไปกินอาหารนอกบ้านถ้าไม่มีร้านที่อยากไปลองจริงๆ ก็มักจะจบที่ร้านอาหารญี่ปุ่น 
ไปญี่ปุ่นคราใดเหมือนได้ไปสรวงสวรรค์มีหลากหลายเมนูให้ลิ้มลอง 
ตอนที่อยู่สิงค์โปร์ก็มีร้านอาหารญี่ปุ่นที่รสชาดดีอยู่มากมายและราคาไม่แพง
และเรายังมีร้านประจำใกล้บ้านที่ฝากท้องด้วยเสมอๆ 
พอมาอยู่ที่ลอนดอน เหมือนใจจะขาดมันช่างหายากเหลือเกิน เราหมายถึงร้านที่ทั้งอร่อยและถูก 
เราว่าคงมีร้านอาหารญี่ปุ่นที่รสชาดดีแต่ราคาอาจสู้ไม่ไหว 
เราเดินตะลอนๆทั่วลอนดอนก็เจอร้านอาหารญี่ปุ่นแบบเฟรนไชร์ก็เยอะอยู่ อย่าง
 Wagamama ซึ่งราคาก็อยู่ที่ประมาณ £8-15 ต่อเมนู ส่วน itsu จะถูกลงมาหน่อย
 เราลองแล้วทั้งสองร้านแต่มันก็ยังไม่ใช่ 
ร้านนี้ที่เจอ ก็เจอแบบไม่ตั้งใจเดินไปเดินมาอยู่แถวโซโห มองหาร้านสำหรับมื้อเที่ยง 
ไม่มีร้านที่น่าสนใจเราเลยต้องพึ่งอากู๋ ช่วยหา พิมพ์ไปร้านที่ใกล้ตำแหน่งที่เรายืน 
มีชื่อขึ้นมาหลายร้าน รวมทั้งร้าน Koya นี้ด้วย
ซึ่งห่างไปแค่ 350 ม. เลยลองเดินไปดู 
ร้านก็เป็นร้านเล็กๆ ด้านในเป็นเคาน์เตอร์ยาวๆ มีเมนูอุด้ง และเมนูง่ายๆอย่างอื่นด้วย 
เราสั่งไปเป็น อุด้งซุปกับไข่ออนเซนและปลาคอด จำชื่อภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ 
ซึ่งเป็นสเปเชียลเมนูของวันนั้น และก็ braised pork belly with cider ชื่อ 
Kakuni เราสองคนชอบเลย 
ตามมาดูภาพของจริงได้เลย อันนี้ด้านหน้าร้าน            
 
ส่วนด้านในของร้าน    
 
 
 
Kakuni
 
 
อุด้งซุปกับไข่ออนเซนและปลาคอด
 
อันที่จริงเราเพิ่งมารู้ที่หลังว่าร้านกำลังปิดปรับปรุง เหลือเปิดเฉพาะส่วนที่เป็นบาร์ ใครสนใจก็ลองแวะเวียนกันไปได้ 
ส่วนเรื่องราคาเราแนบลิงค์ของร้านไว้ด้านล่างนี้ 
ลองเข้าไปดูกันได้ http://www.koya.co.uk/ 
          http://koyabar.co.uk/
มีร้านอาหารดีดีที่ไหน จะแวะมาบอกกันเป็นระยะ หรือใครมีร้านแนะนำก็คอมเม้นท์กันเข้ามาได้จ้า  
 

19 มิถุนายน 2558

HSBC Women's Champions 2014 ( Sentosa )

ตอนนี้ลอนดอนเริ่มมีแดดมากขึ้น อากาศก็เริ่มอุ่นขึ้นเพราะจะเข้าหน้าร้อน 
ทำให้คิดถึงกิจกรรมนึงที่เราและคุณบอสทำด้วยกันเป็นประจำเมื่อตอนยังอยู่ที่สิงค์โปร์ 
นั่นคือ กอล์ฟ
ก็ขอเกริ่นความเป็นมากันนิดนุง 
ว่าไม่ได้เป็นลูกคุณหนูที่ไหนที่จะสามารถเล่นกีฬาที่อุปกรณ์แพงมากๆอย่างกอล์ฟมาก่อน 
ตอนเด็กตีแบดนี่ก็หรูแหละ แต่ที่มาจับพลัดจับพลูมาได้เล่น
เพราะตอนที่เราย้ายมาอยู่สิงค์โปร์กันใหม่ๆเมื่อ 4-5 ปีก่อนนั่น 
เราและคุณบอสอยากมีกิจกรรมที่ทั้งสองคนสามารถทำด้วยกันได้ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ 
(เราและคุณบอสไม่ใช่ขาช้อป เลยต้องหากิจกรรมทำ) 
ก็ลองกันมาตั้งแต่แบดมินตัน อ่ะก็จองคอร์ทค่อนข้างลำบาก รอนานเป็นอาทิตย์ 
เทนนิสก็เหนื่อยเราไม่ชอบ 
ไปฟิตเนสก็ไม่ดีไม่ชอบให้มีใครมาคอยบังคับทำแบบโน่นแบบนี้ 
ขี่จักรยานคุณบอสไม่ไว้วางใจด้วยรถค่อนข้างเยอะกลัวอันตราย(กลัวเราไปชนคนอื่นมากกว่า) 
สุดท้ายคุณบอสก็ขอเลือกเองว่า ขอเป็นกอล์ฟเพราะคุณเคยเล่นเมื่อนานมาแล้วและอยากรื้อฟื้นมาเล่นใหม่ 
ส่วนเรากอล์ฟเหรอ เหวอ Dizzy faceDizzy faceDizzy face ไปพักใหญ่ 
คิดในใจ มันจะไปสนุกตรงไหนไปเดินตากแดดไล่ตีลูกอยู่ได้ 
แต่เมื่อคุณเค้าขอ ลองดูก็ไม่เสียหาย ไม่ชอบก็ค่อยเลิก อิอิ
เริ่มแรกเราสองคนเลยไปหาคอร์สเรียน เราก็เรียนมันตั้งแต่เบสิก 
ตั้งแต่เหวี่ยงวงสวิงแล้วไม่โดนลูก จนเริ่มตีลูกได้แต่ไปไกลแค่2เมตร 
เราโชคดีที่ครูที่สอนเราทั้งสองคนเป็นคนน่ารัก อัธยาศัยดี ใจเย็น 
เราจึงไม่ค่อยเกร็งและเรียนกันไปได้เรื่อยๆ 
แรกๆเราก็ยืมไม้จากที่คลาสตี จนพอเราเริ่มตีได้มากขึ้น เริ่มรู้กฎกติกา
 ก็เริ่มออกรอบตอนนี้คุณบอสลงทุนซื้อไม้ให้แต่ก็เป็นของ beginner 
ก็ไม่ได้มีราคาแพงมาก จนตอนนี้เราสามารถตีได้ดีในระดับนึง 
(ประมาณว่าพาร์ตเนอร์ที่เล่นด้วย ไม่รำคาญอ่ะ) 
เราจึงได้ชุดไม้กอล์ฟใหม่เป็นของขวัญคริสต์มาส 
เอาเข้าจริงจากเดิมที่เราคิดว่าเราคงเล่นได้ไม่นานหรอก กอล์ฟเนี่ยะ กลายเป็นความชื่นชอบโดยไม่รู้ตัว นี่ก็ตีมาสี่ปีแหละ
เราจึงรู้ว่า  บางทีคนเราถ้าไม่ลองทำดูก่อนก็จะไม่รู้ว่าเราชอบหรือไม่ชอบอะไร 
ถ้าเราไม่ยอมลองเล่นกอล์ฟแต่แรก เราก็คงไม่รู้ว่าเราชอบกอล์ฟกีฬานี้ 
อารัมภบทมาซะยาวเชียว ที่จะบอกคือพอเราเริ่มชอบ ก็ต้องมีนักกอล์ฟคนโปรด 
เหมือนๆกับคนที่ชื่นชอบกีฬาประเภทอื่นๆ ถ้าจะพูดถึงนักกอล์ฟไทย 
เราก็ชอบคุณถาวรและคุณธงชัย ใจดี ส่วนถ้าเป็นต่างชาติเราชอบ นา ยอง ชอย 
ซึ่งเป็นนักกอล์ฟหญิงจากเกาหลี แต่ช่วงนี้ดูฟอร์มเธอจะดรอปไปหน่อย 
แต่ยังไงเราก็ติดตามตลอด
และโชคดีที่สิงค์โปร์ก็มักจะมีทัวร์นาเม้นท์ใหญ่ๆสำหรับกอล์ฟทุกปีเราจึงมีโอกาสได้เกาะติดข้างกรีน 
อย่างภาพด้านล่างนี้ก็เป็น LPGA Tour ของปี2014 ที่ผ่านมา

 

Sirapong Golf Course : Sentosa

 



นี่ก็ Na Yeon Choi ( my Idol )



มาดูสวิงของแชมป์ Inbee Park



 
 
คิดถึงกอ์ฟมากๆก็จะมารีวิว สนามกอล์ฟที่เคยไปลองเล่นมาแล้วให้หายคิดถึงในวันหลังล่ะกัน ถ้าสนใจติดตามกันได้
 
 
 
 
 
 
 

18 มิถุนายน 2558

เบอร์เกอร์หมู (Pork Burger homemade)

อยากกินเบอร์เกอร์หมู ก็ทำเองได้ที่บ้าน



เครื่องปรุง( Ingredients)
  • หมูสับ
  • เห็ดหั่นเต๋าเล็กๆ
  • หอมใหญ่สับ
  • เกลือ
  • พริกไทย
  •  ไข่1ลูก 
  • เกล็ดขนมปัง
  • ขนมปังเบอร์เกอร์
  • ผักตามชอบเช่น แตงกวา มะเขือเทศ ผักสลัด
  • ชีส
  • น้ำมันมะกอก,เนย  
วิธีทำ
1.เตรียมหมูก้อนโดย นำกะทะตั้งไฟใส่น้ำมันเล็กน้อย นำหอมใหญ่และเห็ดลงผัด ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยเล็กน้อย ผัดจนสุกนิ่มดี ยกออกมาพักให้เย็น
2. เตรียมโถใส่เกล็ดขนมปัง และผักที่เราผัด ใส่ไข่(ที่ตีไว้แล้ว) ใส่แค่ครึ่งนึง ไม่งั้นจะแฉะเกิน ตามด้วยหมูบด จากนั้นนวดให้เข้ากัน
อาจปรุงรสเพิ่มด้วยเกลือ พริกไทย พอหมูเข้ากันดี จัดปั้นเป็นก้อนแผ่ๆ กดตรงกลางให้บุ๋มเล็กน้อย
3. นำหมูที่ได้ลงย่างในกะทะ พอหมูสุกดีตักพักไว้ นำชีสวางด้านบนหมูและเอาเข้าอบพอชีสละลาย เป็นอันใช้ได้
4. นำขนมปังมาผ่าครึ่ง ทาเนยทั้งสองแผ่นแล้วลงจี่ในกะทะ ขนมปังสีสวยดีจัดลงจานวางผักที่ชอบตามด้วย หมูก้อนที่มีชีสละลายเยิ้มน่ากิน พร้อมเสิร์ฟกับสลัดหรือเฟรนซ์ฟราย


16 มิถุนายน 2558

ดำน้ำดูปลาที่ มัลดีฟส์( Maldives )

ระหว่างรอทริปถัดไป ขอมาย้อนรีวิวทริปเก่าๆด้วยความคิดถึง 
วันนี้คิดถึงทะเลสวยน้ำใส เลยอดคิดถึงทริปที่มัลดีฟส์ไม่ได้ 
ถ้าจะเปรียบเรื่องความสวยงามของท้องทะเล จริงๆบ้านเราก็ไม่แพ้ที่ใดๆในโลก 
หากเรามีการดูแลรักษาและการบริหารจัดการที่ดี 
อย่างที่มัลดีฟส์นี่ ด้วยความที่มีทรัพยากรจำกัด 
เค้าจึงต้องมีการบริหารจัดการที่ดีเพื่อความยั่งยืน ทั้งเรื่องสาธารณูปโภค 
การกำจัดขยะและรักษ์สิ่งแวดล้อม จนเราแอบชื่นชม
การไปมัลดีฟส์ ก็อย่างที่ทราบๆกันว่าค่อนข้างแพง 
แต่ในเมื่อมีการคาดการณ์ว่า มัลดีฟส์อาจจะจมหายไปในเวลาไม่ถึง 100 ปี 
(แม้อาจจะอยู่ไม่ทันตอนเกาะจะจมก็เหอะ Grinning face with smiling eyes
ก็เลยต้องไปให้รู้ ครั้งหนึ่งในชีวิต อิอิ Face with stuck-out tongue and winking eye  
 ทริปของเราจึงเริ่มต้นจากการมองหาตั๋วเครื่องบินและเลือกรีสอร์ทที่เราจะพัก 
จากสิงค์โปร์ไปยังมัลดีฟส์ ก็มีแค่สายการบิน Silkair 
คุณบอสของเราจึงเอาไมลล์ที่สะสมมาแลกเป็นตั๋วเครื่องบินไปกลับทำให้ประหยัด
ไปเปราะนึง จากนั้นก็มาถึงการมองหารีสอร์ท ซึ่งก็มีมากมายเหลือเกิน 
เรามองหาผ่านทางอินเตอร์เน็ตอยู่พักใหญ่ ลังเลอยู่หลายที่ 
ยังไม่ยอมตัดสินใจเพราะกลัวว่าจ่ายแพงแล้วไม่ได้พักที่ที่ดีสมราคาที่จ่าย  
 จนวันนึงไปเห็นเพื่อนลงภาพในเฟสบุก เค้าเพิ่งไปฮันนีมูนกันมาที่มัลดีฟส์ 
น่าสนใจ!! เลยแอบแวะเข้าไปดู และตัดสินใจไปที่นี่แหละ Lilly Beach Resort 
ซึ่งเราก็เลือกจองผ่านเว็บไซด์ Booking.com ที่เราเคยทำงานด้วย 
เพราะจะได้ประหยัดอีกหน่อย 
(บริษัทมีสวัสดิการสนับสนุนพนักงานให้เปิดประสบการณ์ให้ตัวเอง 
จึงมีเงื่อนไขพิเศษให้พนักงาน) 
ส่วนเรื่องราคาโดยรวมเราขอสงวนไว้ช้ำใจแต่เพียงผู้เดียวจองไปก็น้ำตาไหลไปLoudly crying faceLoudly crying faceLoudly crying face 
ยังไม่จบเรื่องแพง เพราะคุณบอสอยากนั่ง Seaplane จร้า
ซึ่งมันแพงกว่าการไปเกาะด้วยเรือและในแพคเแกจที่เราจองนั้นไม่รวม  Seaplane 
คุณบอสจึงจัดแจงติดต่อโรงแรมและต้องไปจ่ายเพิ่มต่างหากที่โรงแรม... Face with open mouth and cold sweat (ร้องไห้รอบที่2)
คุณบอสอุตส่าห์มาปลอบใจ บอกเอาน่า!! ครั้งนึงในชีวิต... อืม เครคร้า!!! 
พอจัดแจงทุกอย่างครบถ้วน ก็ตั้งหน้าตั้งตารอให้ถึงวัน 
 พอถึงวันเดินทางเราไปถึงที่ Ibrshim Nasir International Airport 
ดึกจึงไม่สามารถไปเกาะได้เลย เพราะสำหรับ Seaplane 
เค้าจะเริ่มบินกันตอนสว่างเท่านั้น 
เราจึงพักหนึ่งคืนที่บนเกาะเมืองหลวงที่ต้องนั่งเรือข้ามฝากไปประมาณ 10นาที
 
 
  
 เช้านี้เราตื่นแต่เช้าแล้วรีบนั่งเรือข้ามฝั่งกลับไปยังสนามบิน 
เพราะเคาน์เตอร์ของรีสอร์ทอยู่ที่นั่น 
เมื่อติดต่อเจ้าหน้าที่โรงแรมเรียบร้อยก็พาเราไปนั่งรอขึ้น Seaplane 
อีกฝั่งด้านนึงของเกาะของสนามบินซึ่งค่อนข้างสะดวกสบายทีเดียว


แอบถ่ายนักบินตอนกะลังเอาเครื่องขึ้น ตอนขึ้นไม่น่ากลัว แต่ตอนร่อนลงนี่ พี่สวดมนต์ไปสิบตลบ

ภาพวิวด้านบนถ่ายตอนนั่ง Seaplane
ที่มา : http://www.lilybeachmaldives.com/islandhires.html
ภาพด้านบนนี้วิวทั้งเกาะของ Lilly Beach Resort
(ไม่ได้ถ่ายเองเพราะจริงๆท่าจอดเครื่องบิน ค่อนข้างห่างจากเกาะ 
ต้องนั่งเรือจากท่าจอดไปยังเกาะ ไม่สามารถเก็บภาพได้ 
เลยขอใช้ภาพจากเว็บไซด์ของรีสอร์ทแทน)
เรามาถึงเกาะประมาณเก้าโมงเช้า ซึ่งเช้ามาก 
เลยยังไม่สามารถเช็คอินได้ทันทีแต่เจ้าหน้าที่ก็น่ารัก 
บอกจะให้เราเช็คอินได้ไม่น่าเกิน 10โมงเช้า 
เราเลยพากันเดินสำรวจเกาะระหว่างรอห้อง 
วิวทางเดินไปยังห้องพักของเรา
น้ำทะเลที่นี่สีสวยมาก ใสมาก มองเห็นปลาแวกว่ายชัดเจนแบบไม่ต้องลงในน้ำเลย
แล้วเราก็ได้เช็คอิน ห้องที่เราจองเป็นห้อง Deluxe Water Villa 
ซึ่งได้วิวทะเลเต็มๆ เดินลงด้านหลังห้องก็ดำผุดดำว่ายกันได้เลย 
ถูกใจคุณบอสของเรายิ่งนัก 
ที่มา : http://www.lilybeachmaldives.com/dwvhires.html
รูปห้องด้านบนขอใช้รูปของทางรีสอร์ทเพราะว่าเห็นภาพโดยรวมของห้องแจ่มมาก
ส่วนภาพด้านล่างเราถ่ายแยกเป็นห้องๆไป

เก็บข้าวของเรียบร้อยก็เดินเล่นและถ่ายรูป เก็บภาพรอบเกาะ 

กิจกรรมที่เกาะมีหลายอย่าง ให้เราได้เอนจอยตลอดสี่ห้าวันที่อยู่ที่เกาะ
ทั้งดำน้ำตื้น ตกปลา สปา หรือจะเล่นเทนนิส ปิงปองก็มี 
หากอยากจะพายคายัค หรือเรือถีบ ก็มีให้เราได้เอนจอยกันทั้งวัน
 
 ใครจะไปดำน้ำตื้นนอกเกาะก็ไปลงชื่อไว้ที่เคาน์เตอร์ ราคารวมอยู่ในแพคแกจ 
แต่คุณบอสขอดำน้ำลึกอันนี้ก็จ่ายเพิ่มกันไป 
 ช่วงเย็นถ้าจะไปตกปลาก็มีเรือของโรงแรมพาเราออกไป ได้ทั้งตกปลาและชมวิวพระอาทิตย์ตก 
โรแมนติกไปอีกแบบ 
 
ตอนพลบค่ำก็สามารถมาดูเจ้าหน้าที่โรงแรมเค้าให้อาหารปลาด้านหน้ารีสอร์ท 
ซึ่งปลาที่มาร่วมวงมื้อเย็นนี้ก็มีทั้งฉลาม(ตัวเล็กนะ 
ถ้าตัวใหญ่เราคงเผ่นแนบ) ปลากระเบน และปลาเล็กปลาน้อยฯ 
เจ้าตัวน้อยนี้คาดว่าเป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้าหน้าที่สักคนนึงบนเกาะ

ถ้าอยากจะเปลี่ยนจากเล่นน้ำทะเลมาลงสระก็มีสระใหญ่ของรีสอร์ทที่วิวสวยมากๆ 
ทริปนี้เบิกบานทั้งคุณบอสและเราเพราะเที่ยวเล่นน้ำเพลิน นอนหลับสบายและกินดื่มกันไม่อั้น 
 นี่ก็มานั่งชิลล์ๆจิบ Mojito ที่ข้างสระว่ายน้ำรอชมพระอาทิตย์ตก
มีแต่ภาพบนฝั่งเยอะแล้ว มาดูภาพในน้ำกันบ้าง
ขอพักแป๊บนอนอ่านหนังสือ ชมทะเล แต่ก็ยังมีเพื่อนแวะมาทักทายตรงท่าน้ำหลังห้อง
อยากอยู่ต่ออีกแต่ก็นะ "ไม่มีงานเลี้ยงไหนไม่เลิกรา" 
หากมีโอกาสเกาะยังไม่จมหาย
 อยากไปเยือนเธออีกครั้ง มัลดีฟส์ (Maldives)