Day 2 : Bath
มาต่อกันเลยวันที่ 2 หลังจากพักผ่อนนอนสบาย ที่ Bed&Breakfast
แถวชานเมืองบาธ เช้านี้หลังจากจัดการกับอาหารเช้าเรียบร้อย
เราก็เริ่มสำรวจเมืองกันเลย
วันนี้อากาศออกจะอึมครึมเล็กน้อย
แต่ก็ดีที่ไม่มีฝนไม่งั้นคงเดินไม่สนุก เราขับรถเข้าไปในตัวเมืองบาธ
และหาที่จอดรถซึ่งก็มีทั้งแบบคิดเป็นรายชม. และแบบคิดเหมาทั้งวัน
ซึ่งเราก็เลือกแบบเหมาทั้งวัน เพราะน่าจะถูกกว่าและ
จะไม่ต้องกังวลเรื่องเวลา จากนั้นก็เดินสำรวจกันเลย
เมืองบาธเป็นเมืองที่ขนาดกะทัดรัด สถานที่สำคัญๆก็อยู่ในละแวกใกล้กัน
เดินกันถึง สะดวกมากๆ
แต่เนื่องจากเราออกตัวเช้าไปหน่อยและกอรปกับเป็นเช้าวันอาทิตย์
บางสถานที่จึงยังไม่เปิด ร้านรวงต่างๆก็ยังไม่เปิด
เราจึงเลือกเดินลัดเลาะเยี่ยมชมเมือง สวน อย่างเงียบๆ
เกร็ดความรู้กันซักหน่อย :
เมืองบาธเป็นเมืองน้ำพุร้อน ที่ถูกค้นพบโดยชาวโรมันที่เข้ามาตั้งแต่สมัย
2000กว่าปีโน่น ปัจจุบันยังคงพบเห็นศิลปะยุคโรมันหลงเหลืออยู่ อย่าง
โรมันบาธ จึงไม่แปลกที่บาธได้ถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในเมืองมรดกโลก
วิวมองเห็น Pulteney Bridge |
บรรยากาศยามเช้านี่สดชื่น พอช่วงสายเริ่มมีแดด
ทำให้การถ่ายรูปของเราง่ายขึ้นกับวิวแม่น้ำ Stratford upon Avon.
ได้เวลาแวะชมด้านในกันเริ่มที่ โรมันบาธ
|
ออกมาจาก โรมันบาธ ก็จะพบวิหารใหญ่ประจำเมืองบาธ " Bath Abbey "
เป็นแนวสไตล์ Victorian Gothic
ด้านข้างของ Bath Abbey มีสวนให้เดินเล่น Parade Garden
หลังจากเดินกันมาสักพักก็แวะกินมื้อเที่ยงที่ร้าน Ole Tapas
อาหารรสชาดดี ราคาเหมาะสม ร้านน่ารัก เมนูที่ชอบเป็นพิเศษคือ
มะเขือม่วงทอดแบบเทมปุระจิ้มกับซอส dark Spanish honey และของหวานคือ ชูโร (
Chocolate con Churros)
จริงๆยังมีอีกหลายที่ในเยี่ยมชมอย่างตลาดซึ่งปิดในวันที่เราไป
พิพิธภัณฑ์แฟชั่น หรือถ้าใครชื่นชอบนิยายแนวโรแมนติกของเจน ออสติน( Jane
Austen) ก็แวะชมได้ที่ Jane Austen Center
|
เดินไปเดินมาก็บ่ายคล้อย สมควรแก่เวลาที่เราต้องลาเมืองบาธ แม้จะอยากอยู่ต่ออีกนิด แต่เพราะไม่อยากฝ่าการจราจรอันคับคั่งของเย็นวันอาทิตย์ที่ผู้คนที่ต้องกลับ เข้ามาในเมืองเพื่อเริ่มงานในเช้าวันจันทร์
ทริปนี้คงจะจบแบบแฮ้บปี้ ถ้าไม่สะดุดที่ตอนเราเอารถไปคืนบริษัท จากที่เล่าตอนต้นว่าคุณบอสต้องแวะเติมน้ำมันทันทีหลังจากขับออกมาเพราะ น้ำมันที่มีนั่นเล็กน้อย เราจึงคืนรถด้วยปริมาณเดียวกันกับตอนแรก แต่กลับถูกพนักงานรับรถแจ้งว่าเราต้องเติมให้เต็ม ทั้งเราและคุณบอสจึงอธิบาย แต่ยังไงพนักงานก็ไม่ยอม บอกว่าถ้าหากน้ำมันตอนรับรถไม่เต็มเราต้องแจ้งเค้าแต่แรกทันที อันนี้เราก็ไม่เฉลียวใจ แต่นั่นแหละงานนี้ใครจะยอม ในเมื่อเราก็ไม่ได้คิดจะโกงใคร 😕 ดีนะที่เราเก็บใบเสร็จเอาไว้ ซึ่งระบุทั้งจำนวนลิตรของน้ำมันที่เติมและราคา คุณบอสจึงเอาไปยืนยันกับพนักงานที่เคาน์เตอร์ด้านใน รอกันอยู่พักใหญ่ จึงจะเรียบร้อยโดยเราไม่ต้องจ่ายหรือเติมน้ำมันเพิ่ม ที่เขียนเล่าเผื่อใครจะได้ตรวจตราก่อน หากเลือกใช้การขับรถ จะได้ไม่ต้องประสบเหตุการณ์อย่างเรา และแล้วถึงที่พักทุ่มกว่า กินมื้อเย็นง่ายๆก็เอนกายนอน ทริปหน้าค่อยว่ากันใหม่ อย่าลืมติดตามกันนะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น